19 มีนาคม 2554

วันไปรายงานตัว



เทคนิคการกำหนดเป้าหมายสู่ความสำเร็จในชีวิต
จากการที่ได้มีโอกาสอบรมบุคลากรขององค์กรต่างๆในหัวข้อ “เทคนิคการพัฒนาตัวเองสู่ความสำเร็จ” มาหลายครั้ง ในหลักสูตรนี้จะให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมฝึกการวางแผนชีวิตว่าอีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้าอยากจะได้อะไร อยากจะเป็นอะไร หรืออยากจะมีอะไรบ้าง ปรากฏว่าคนหลายคนยังหาเป้าหมายในชีวิตของตัวเองยังไม่ได้เลย และบางคนอายุงานก็มาก อายุตัวก็เยอะ ยังหาตัวเองไม่เจอเลย สาเหตุที่หาไม่เจอ ไม่ใช่ไม่ได้หา แต่พยายามหลายครั้งหลายคราแล้วก็ยังหาไม่เจอ พอถามว่าอยากจะเติบโตในตำแหน่งหน้าที่การงานที่ทำอยู่หรือไม่ ก็ไม่รู้ พอถามว่าอยากจะออกไปทำธุรกิจส่วนตัวหรือไม่ ก็ตอบว่าอยาก แต่ไม่รู้จะทำอะไร เพราะไม่มีทุน ไม่มีประสบการณ์ สุดท้ายการหาเป้าหมายในชีวิตของคนหลายคนเหมือนกับการพายเรือวนอยู่ในอ่าง เพราะวันนี้อยากเป็นนั่น วันนั้นอยากเป็นนี่ ไม่มีท่าที่ถูกใจจอดเรือเสียที

บางคนมีการกำหนดเป้าหมายชัดเจน แต่พอถามเข้าจริงๆว่าแล้วได้ทำตามเป้าหมายหรือไม่ ก็ได้คำตอบที่ไม่ค่อยแตกต่างกันคือ ไม่ เพราะอะไร จากการสอบถามดูส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ทำตามเป้าหมายก็เพราะว่ากำหนดเป้าหมายให้ตัวเองยากเกินไป ทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จ เช่น บางคนตั้งเป้าหมายว่าจะเก็บเงินปีละสองแสนบาท ทั้งๆที่ในความเป็นจริงมีรายได้เพียงปีละห้าแสนบาท ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์เงินเก็บต่อรายได้แล้ว ประมาณ 40% ซึ่งถือว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ถ้าเขาไม่มีรายได้จากแหล่งอื่นเลย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เป้าหมายของหลายคนเป็นเป้านิ่งคือมีแต่เป้าแต่ไม่มีผลที่เกิดขึ้นเลย
มีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่กำหนดเป้าหมายในชีวิต แต่มีการเปลี่ยนเป้าหมายบ่อยเกินไป จึงกลายเป็นเป้าบิน แต่ละวันจะยิงเป้าไหนก็ไม่รู้ เพราะมีเยอะเกินไป วันนี้มีคนเล่าให้ฟังเรื่องธุรกิจส่วนตัวก็ตั้งเป้าเรื่องธุรกิจส่วนตัว พรุ่งนี้มีคนมีพูดเรื่องงานใหม่เงินเดือนดีกว่าเดิม เป้าหมายในการเปลี่ยนงานเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้บริหารระดับสูงก็เกิดขึ้นมาอีก คนแบบนี้จึงมีเป้าหมายแบบเอาแน่เอานอนไม่ได้
เพื่อให้ท่านผู้อ่านที่ต้องการกำหนดเป้าหมายในชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และสามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จในชีวิตได้ดีกว่าและเร็วกว่าที่คาดหวังไว้ ผมจึงขอเสนอแนะแนวทางในการกำหนดเป้าหมายในชีวิตดังนี้
หาความฝันและอยากของตัวเองให้เจอก่อน
จุดเริ่มต้นของการกำหนดเป้าหมายในชีวิตคือการถามตัวเองว่าในอนาคตเราอยากจะเป็นอะไร อยากจะมีอะไร อยากจะได้อะไร อยากจะเป็นเหมือนใคร แค่ไหน เมื่อไหร่ เพราะถ้าเราไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ เราจะกำหนดเป้าหมายที่ดีไม่ได้เช่นกัน เหมือนกับการที่เราออกไปตลาดเพื่อซื้อของมาทำอาหาร ถ้าเราไม่มีรายการอาหารอยู่ในใจ คิดเพียงว่าไปดูก่อนแล้วกันค่อยคิดว่าจะทำอะไรกิน ผมคิดว่าคงต้องใช้เวลาเดินตลาดนานมาก เผลอๆอาจจะไม่มีอะไรถูกใจเลยสักอย่างเดียว ผิดกับคนที่คิดรายการอาหารไปจากบ้าน พอไปถึงตลาดก็สามารถเดินไปเฉพาะจุดที่ต้องการจะซื้อได้ทันทีไม่ต้องเสียเวลาเดินวนไปวนมา ถึงแม้รายการอาหารที่เราต้องการไม่มี แต่ถ้าเรามีรายการอาหารสำรองอยู่ เราก็สามารถเปลี่ยนรายการซื้อของได้ทันท่วงที ดังนั้น ใครที่ยังหาตัวเองไม่เจอก็ไม่ต่างอะไรไปจากคนที่ไปตลาดแล้วค่อยคิดว่าจะซื้ออะไรมาทำอาหาร
วิเคราะห์ความชอบของตัวเอง
ใครที่กำลังทำงานเป็นลูกจ้างอยู่และคิดจะออกมาทำธุรกิจส่วนตัว ผมแนะนำว่าควรเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด ตัวเองชอบเป็นอันดับแรก เพราะธุรกิจที่เราทำเราจะต้องอยู่กับมันนานและถ้าใครเลือกทำธุรกิจที่ตัวเองไม่มีความรักความชอบเป็นพื้นฐานแล้วจะทำได้ไม่ดี เช่น ใครไม่ชอบเล่นเกมส์ แต่อยากทำธุรกิจร้านวีดีโอเกม รับรองว่าโตยากครับ
ขีดกรอบเป้าที่มุ่งหมายและตีกรอบให้แคบลง
การเลือกเป้าหมายที่เราต้องการถ้าเรารู้ว่าเราชอบอะไร เวลามองออกไปภายนอกจะค่อนข้างง่าย เช่น เราอยากทำธุรกิจเกี่ยวกับเสื้อผ้า เป็นเสื้อผ้าสตรี นำสมัย กลุ่มเป้าหมายคือคนทำงาน และธุรกิจเสื้อผ้าที่ลงทุนไม่เกิน 2 ล้านบาท อยู่ในเขตกรุงเทพฯ ฯลฯ ถ้าเราสามารถกำหนดกรอบของเป้าหมายได้ชัดเจนและค่อยๆตีกรอบนั้นให้แคบลงๆ เราจะค้นพบว่าเป้าหมายนั้นเหมาะสมกับเราหรือไม่
ศึกษาข้อมูลเพื่อไปสู่เป้าหมาย
เมื่อเราได้เป้าหมายที่ชัดเจนและอยู่กรอบที่เราสามารถทำได้ ขั้นต่อมาคือการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมายที่เรากำหนดไว้ว่าแนวทางในการไปสู่เป้าหมายนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าต้องการทำธุรกิจส่วนตัวเรื่องเสื้อผ้า ก็ควรจะไปศึกษาจากผู้ที่เคยประสบความล้มเหลวและผู้ที่กำลังประสบความสำเร็จในปัจจุบัน เพื่อวิเคราะห์ดูว่าเราจัดอยู่ในกลุ่มไหน หรือควรจะหาทางป้องกันไม่ให้เราผิดพลาดเหมือนกลุ่มที่เคยล้มเหลวมาแล้ว
ตั้งเป้าหมายให้ท้าทาย
การตั้งเป้าหมายในชีวิตควรจะเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย ซึ่งหมายถึงเป้าหมายที่ไม่ง่ายจนเกินไป เช่น ก่อนเกษียณอายุจากลูกจ้างควรจะดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่อาวุโส (ไม่ต้องทำอะไรอยู่ไปนานๆอายุงานมากขึ้นไม่มีใครแก่กว่าเราอีกแล้วก็เป็นได้แล้ว) และไม่ควรตั้งเป้าหมายที่ยากเกินไป เช่น อยากเก็บเงินเดือนละห้าพันบาททั้งๆที่ได้เงินเดือนๆละหมื่นบาท
ควรจะมีเป้าหลักและเป้ารอง
การตั้งเป้าหมายในชีวิตที่ดีควรจะมีเป้าหมายหลักและเป้าหมายรองที่สอดคล้องกัน เพราะถ้าเป้าหมายหลักมีปัญหาอุปสรรคหรือเป็นไปไม่ได้ จะได้เอาสิ่งที่ได้ลงทุนไปกับเป้าหมายหลักมาใช้ประโยชน์กับเป้าหมายรองได้ การกำหนดเป้าหมายในชีวิตไม่จำเป็นว่าจะต้องกำหนดครั้งเดียวแล้วใช้ได้ตลอดไป เราควรจะทบทวนความสำเร็จของเป้าหมายที่กำหนดไว้เป็นระยะๆว่าควรจะมีการปรับเปลี่ยนเป้าหมายหรือไม่ อย่างไร
สรุป การกำหนดเป้าหมายถือเป็นปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จในชีวิตไม่ว่าคนๆนั้นจะทำงานเป็นลูกจ้างหรือทำอาชีพอะไรก็ตาม เพราะเป้าหมายคือสิ่งนำทาง เป้าหมายคือแสงสว่างที่จะช่วยให้เราเห็นทิศทางที่เราต้องการจะไปได้ง่ายและชัดเจนกว่า ถ้าถามกันง่ายๆว่าทำไมคนบางคนจึงประสบความสำเร็จในชีวิตดีกว่าและเร็วกว่าคนอื่นๆ ผมมั่นใจว่าสิ่งหนึ่งที่คนที่ประสบความสำเร็จน่าจะมีเหมือนๆกันคือการวางแผนชีวิตที่มีระบบและมีเป้าหมายในชีวิตที่มีประสิทธิภาพนั่นเอง

ผัง

User Name:
Password: